วิเคราะห์เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ ปี 2567 รับลิงก์ Facebook X Pinterest อีเมล แอปอื่นๆ - กุมภาพันธ์ 05, 2567 < /div> วิเคราะห์เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ความไม่แน่นอนครั้งใหญ่* เศรษฐกิจโลกขณะนี้มีความไม่แน่นอนมาก และไม่มีใครไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ นักลงทุน หรือผู้ทํานโยบาย ที่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลกช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ความไม่แน่นอนที่มีมากนี้ เป็นผลจาก 3 ปัจจัย ที่กําลังกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างสําคัญ และไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละปัจจัยจะจบหรือไปต่ออย่างไร จะกระทบเศรษฐกิจโลกมากขึ้นแค่ไหน อีกทั้งไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศหลักเข้มแข็งพอหรือไม่ที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกเกิดปัญหาหรือเกิดวิกฤติใหญ่ตามมา 3 ปัจจัย ที่ว่านี้ประกอบไปด้วย 1. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ที่กระทบไปทั่วโลก ทั้งความเป็นอยู่ของประชาชน ต้นทุนการผลิต ความสามารถในการทํากําไรของภาคธุรกิจและธนาคารพาณิชย์ ราคาสินทรัพย์ และการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ ครัวเรือน และภาครัฐ หนึ่งปีหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกชะลอและฐานะการเงินของหลายภาคส่วนอ่อนแอลง คําถามคือ อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอีกเท่าไร และถ้าไปต่อ จะผลักดันเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ 2. ภาวะการเงิน คือ ความไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นบวกกับความระมัดระวังมากขึ้นของ สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ที่โยงกับปัญหาสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จะทําให้เศรษฐกิจโลกเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัวหรือ credit crunch หรือไม่ หมายถึง ภาวะที่สินเชื่อหายากเพราะธนาคารระวังในการให้สินเชื่อ ไม่ปล่อยกู้ง่ายๆ ทําให้ธุรกิจถูกกระทบ เกิดปัญหาสภาพคล่อง ธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้ เกิดปัญหาหนี้เสียกว้างขวาง ซ้ำเติมให้ความเสี่ยงที่จะเกิดทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติทางการเงินยิ่งเพิ่มมากขึ้น 3. ภูมิศาสตร์การเมือง สงคราม และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่เพิ่มความไม่แน่นอนและความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจโลก ทำให้ราคาสินค้า พลังงาน อาหาร วัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น เงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มขึ้น การค้าโลกถูกกระทบ ความผันผวนในตลาดการเงินมีต่อเนื่อง และไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์เหล่านี้จะไปต่ออย่างไร 6-12 เดือนข้างหน้า จะมีจุดอ่อนไหวในการเมืองโลกเพิ่มขึ้นหรือไม่ เป็นความไม่แน่นอนที่กระทบความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก นี่คือความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจโลกมี เป็นความไม่แน่นอนที่กําลังส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจโลกทั้งในเรื่องการเติบโตและเสถียรภาพ ล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงเหลือร้อยละ 1.7 ซึ่งตํ่ามาก และยกระดับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่นอกจากเศรษฐกิจถดถอย อีกความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลที่จะมีต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศที่มีหนี้มากจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ที่น่าห่วงเพราะปีที่แล้วประเทศตลาดเกิดใหม่มีหนี้รวมกันมากกว่า 2.5 เท่าของรายได้ประชาชาติซึ่งสูงมาก ขณะที่ภาระชำระหนี้ของประเทศหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ที่มีหนี้สาธารณะมากก็จะอ่อนไหวในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งอาจกระทบเสถียรภาพการคลัง รวมทั้งเร่งความห่วงใยของ นักลงทุนต่อการเกิดวิกฤติ เพราะในสายตานักลงทุน วิกฤติเศรษฐกิจกับความสามารถในการชำระหนี้มักเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นอีกมิติที่ทำให้ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในเศรษฐกิจโลกมีมากขณะนี้ สำหรับเอเชีย ในภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียยังดูดีในแง่ความสามารถในการขยายตัว ถ้าเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะถดถอยหรือเกิดปัญหา เพราะความเข้มแข็งของกําลังซื้อ หรือการใช้จ่ายในประเทศที่จะสามารถพยุงเศรษฐกิจภูมิภาคให้ไปต่อได้ ถ้าเศรษฐกิจโลกชะลอมากหรือเกิดภาวะถดถอย รวมถึงการค้าขายระหว่างกันของประเทศในภูมิภาค เพราะจีนมีความเข้มแข็งของกําลังซื้อของชนชั้นกลางที่จะใช้จ่าย ขณะที่ประเทศอย่างมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มีการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ให้กับประเทศ เข้ามาสนับสนุนให้การใช้จ่ายขยายตัว ประเทศอย่างอินเดียและอินโดนีเซียก็ได้ประโยชน์ทั้งจากการเติบโตของกําลังซื้อเพื่อการบริโภคของคนในประเทศ และการลงทุนของภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างสินค้าหรือฐานรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซีย ทําให้ประเทศเหล่านี้มีศักยภาพที่จะเติบโตแม้เศรษฐกิจโลกถดถอย สําหรับไทย จะมีความท้าทายมากถ้าเศรษฐกิจโลกแย่ลง เพราะพึ่งการส่งออกและการท่องเที่ยวมาก ไม่มีกําลังซื้อในประเทศที่เข้มแข็ง ไม่มีการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของภาครัฐและเอกชน ไม่มีการปรับตัวเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต ไม่มีการสร้างอุตสาหกรรมหรือสินค้าใหม่ที่จะเป็นฐานสร้างรายได้ให้กับประเทศในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการปรับไปสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือวางตำแหน่งประเทศในความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน เพื่อหาประโยชน์จากการย้ายห่วงโซ่การผลิตของบริษัทธุรกิจทั่วโลก นี่คือความท้าทายที่ประเทศไทยมี ซึ่งเป็นโจทย์ที่รัฐบาลใหม่ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้เศรษฐกิจไทยอยู่รอดจากความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นและสามารถไปต่อได้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนั่นเอง วิเคราะห์ความท้าทายและโอกาสของตลาดแรงงานไทยในอนาคต สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงอายุ ตลอดจนความเจริญของเทคโนโลยี ได้ก่อเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานไทยหลายประการ ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายและโอกาสของตลาดแรงงานในอนาคตไปด้วยกันดังนี้ ความท้าทายประการแรก คือ การเข้าสู่สังคมสูงอายุ ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ถือได้ว่าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ (Aged Society) และจากรายงานการคาดการณ์ประชากรในประเทศไทย โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) พบว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสูงยอด (Super-aged Society หรือ Hyper-aged Society) คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน ในอัตราส่วนเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 28 ในอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้านี้ (พ.ศ. 2568) และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยได้ส่งผลต่อโครงสร้างแรงงานไทยและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 2 ประการได้แก่ (1) อัตราการขยายตัวของแรงงานลดลง เนื่องจากประชากรสูงอายุเริ่มมีความเสื่อมถอยสุขภาพกาย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ประกอบกับอัตราการเกิดที่ลดตํ่าลงและอายุขัยของประชากรที่ยืนยาวขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมดลดลง (2) ผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) ลดลง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันแรงงานส่วนใหญ่มีอายุเกิน 50 ปี มีระดับการศึกษาตํ่า และไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยี ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง และการปรับตัวเข้าสู่การเกษตรยุคใหม่เป็นไปได้ยาก ความท้าทายประการที่สอง คือ ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ประกอบกับความจำเป็นในช่วงมี่มี การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ภาคธุรกิจได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริการ จากรายงานของ World Economic Forum (2020) พบว่าบทเรียนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อทดแทนแรงงานมากขึ้น และการสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ มีอัตราช้ากว่าการสูญเสียงานอันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ความท้าทายประการที่สาม คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของหน่วยเศรษฐกิจในตลาด ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแรงงานในหลายภาคส่วน การหันไปใช้บริการ e-commerce ทำให้แรงงานภาคบริการประจำพื้นที่ เช่น พนักงานขาย พนักงานต้อนรับและแคชเชียร์ มีความจำเป็นลดลง รวมทั้งพนักงานประจำสาขาในภาคการเงิน เนื่องจากลูกค้าหันไปใช้บริการผ่านทางอินเตอร์เน็ตและ Application รวมทั้งการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถดำเนินการต่างๆ เช่น จองตั๋ว ที่พักและร้านอาหารได้ด้วยตนเอง การประชุมตามสถานที่ต่างๆ ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นการประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์ อีกทั้งสภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลให้อุปสงค์การใช้สถานที่ และบริการในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมีแนวโน้มลดลงได้ในอนาคต ถึงแม้ว่าการเข้าสู่สังคมสูงวัย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการจ้างงาน และการมีงานทำในประเทศไทย แต่ปัจจัยดังกล่าวรวมทั้งนโยบายต่างๆ ของรัฐที่ออกมาเพื่อกระตุ้นความเจริญทางเศรษฐกิจก็ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ตลาดแรงงานไทยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจและอาชีพใหม่ ที่เกิดขึ้นเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของเขตเศรษฐกิจและการนำเข้าแรงงานต่างด้าวทักษะสูงเพื่อพัฒนาตลาดแรงงานและผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการหันมาใช้บริการ e-service ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับแรงงานไทยหลายประการ กลุ่มธุรกิจ logistic ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การเข้าสู่สังคมสูงอายุเพิ่มอุปสงค์ในกลุ่มธุรกิจสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุและเด็กที่อยู่ในบ้าน เป็นต้น โดยปกติแล้ว เมื่อเผชิญการถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี แรงงานมักใช้วิธีการเปลี่ยนไปทำงานที่ใกล้เคียง กับทักษะเดิม ส่งผลให้แรงงานที่มีทักษะตํ่ากว่าถูกเลิกจ้าง ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญในการช่วยเหลือแรงงานให้พัฒนาทักษะให้สูงขึ้น เพื่อนำไปสู่อาชีพใหม่ โดยแรงงานในปัจจุบันควรมีทักษะการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การเจรจา และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงเป็นทัศนคติที่ควรปลูกฝังให้แก่แรงงานและเยาวชน เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากนี้ไปในระดับประเทศคงต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเพิ่มผลผลิตของประเทศ ในขณะที่จำนวนแรงงานลดลง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานการศึกษาควรมีบทบาทในการวางหลักสูตร และแผนการอบรมทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ทั้งนี้เพื่อให้โอกาสแรงงานไทยได้แสดงศักยภาพ และลดการพึ่งพาแรงงานและองค์ความรู้จากต่างประเทศ สำหรับแรงงานปัจจุบันก็ต้องพัฒนาทักษะความรู้ของตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง สำหรับเยาวชนของชาติก็ต้องศึกษาหาความรู้ ซึ่งไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพียงด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสื่อสาร และพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นทุนมนุษย์ที่ลํ้าค่าของทุกระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างดีนั่นเอง กลุ่มประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ *แหล่งที่มาของข้อมูล : ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล รับลิงก์ Facebook X Pinterest อีเมล แอปอื่นๆ ความคิดเห็น
โครงการ คอนโดมิเนียมและ ซีเนี่ยร์คอมเพล็ก ปทุมธานี พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด - สิงหาคม 22, 2561 ซีเนี่ยร์คอมเพล็ก นครปทุมธานี พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด โครงการ คอนโดมิเนี่ยมและซีเนี่ยร์คอมเพล็ก ปทุมธานี มูลค้าโครงการ 1,700 ล้านบาท สถานที่โครงการ ในการลงนาม โครงการตั้งที่ จ.ปทุมธานี เนื้อที่โครงการ14 ไร่เป็นคอนโดมิเนี่ยม อาคารชุด จำนวน 11 อาคาร จำนวน 880 ห้อง บริษัท ซี.เอช.บี. การช่าง จำกัด ร่วมทุนการก่อสร้าง ดร.สมัย เหมมั่น กรรมการบริหาร จัดทำ โครงการดังกล่าวและแสดงความหมายอย่างกว้างถึงพฤติกรรมผู้บริโภคคือกระบวนการต่างๆ ของตัวบุคคลที่ปฏิบัติต่อสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ภายนอกให้ความหมายของผู้ซื้อบ้านพร้อมบริการดูแลผู้สูงอายุ ... Read more »
วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ปัญหาและอุปสรรค (SWOT Analysis) โครงการซีเนี่ยร์คอมเพล็ก ปทุมธานี จุดเด่นหรือจุดอ่อน (Strengths)ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในบริษัท - สิงหาคม 22, 2561 โครงการคอนโดมิเนียมและซีเนี่ยร์คอมเพล็กซ์ ปทุมธานี เพื่อสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและข้าราชการไทย พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด โครงการ เพื่อผู้สูงอายุซีเนี่ยร์คอมเพล็ก ปทุมธานี มูลค้าโครงการ 1,700 ล้านบาท สถานที่โครงการ ในการลงนาม โครงการตั้งที่ จ.ปทุมธานี เนื้อที่โครงการ 14 ไร่เป็นอาคารชุด จำนวน 11 อาคาร จำนวน 880 ห้อง บริษัท ซี.เอช.บี. การช่าง จำกัด ร่วมทุนการก่อสร้าง ... Read more »
.โครงการคอนโดมิเนียม และซีเนียร์คอมเพล็กซ์ แนวคิดการออมทรัพย์ เพื่อข้าราชการ - ตุลาคม 06, 2561 D-HOUSE GROUP CHB International Holding Corporation D-HOUSE GROUP CHB International Holding Corporation ดร.สมัย เหมมั่น ร่วมฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เคหสถานเมืองโคราชปรับแนวทางการพัฒนาสหกรณ์การบริการ ให้มีความเจริญยิ่งขึ้น พร้อมจะเปิด โครงการ แกรนด์โฮม โปรเจค เขาค้อ-เขาใหญ่ โครงการเพื่อชีวิตที่มีการวางแผนการออมทรัพย์ D-HOUSE GROUP CHB International Holding Corporation กรรมการบริหารใหญ่ สำนักงานใหญ่ ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขต มินบุรี กรุงเทพมหานคร เสนอโครงการ เพื่อผู้สูงวัยการวางแผนการออมทรัพย์หลังการเกษียณทำงาน เปิดโครงการใหม่ วันนี้ ข่างใหม่ งานการพัฒนา..โครงการ กิจการผู้สูงอายุ CHB ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ผู้บริหารรับผิดชอบการโครงการ ส่งเสริมการลงทุนให้ ท่าน อาจารย์สุทิพย์ พิจรณาการขอรับทุนการส่งเสริมร่วมพัฒนาโครงการทุกจังหวัด รับรองลงชื่อ ดร.สมัย เหมมั่น Read more »
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น